หลายๆคนอาจจะเคยตั้งคำถามกับตัวเอง
หลายๆคนอาจจะเคยตั้งคำถามกับตัวเอง ว่า สามีหรือภรรยาของเรา ยังซื่อสัตย์กับเราอยู่มั้ย แอบคบซ้อนกับใครอยู่หรือเปล่า แล้ว
อะไรจะเป็นตัวชี้วัดว่าสิ่งที่เราคิด หรือสงสัยอยู่ มันคือเรื่องจริง ไม่ได้เกิดจากความระแวงหรือเกิดจากความวิตกกังวลของเราเอง วิธี
ที่จะใช้พิสูจน์เรื่องนี้ก็คือ การสังเกตความเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมของคู่สมรสของเรานั่นเอง พฤติกรรมที่เปลี่ยนไป จะเป็นตัวบอก
ถึงความผิดปกติได้เป็นอย่างดี อย่างแรกที่ควรให้ความสำคัญอย่างมากก็คือ เรื่องของคำพูดกับการกระทำ มันสวนทางกันหรือไม่ สิ่ง
ที่เขาพูดมันคือเรื่องจริงหรือไม่ เพราะถ้าเขาพูดโกหก วัตถุประสงค์ก็เพื่อที่จะต้องการปกปิดความจริงอะไรบางอย่างเอาไว้ โดยที่ไม่
ต้องการให้เรารู้ นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมอะไรอีกบ้าง ที่เราสามารถใช้เป็นข้อสังเกตในเรื่อง สืบชู้สาว
- ให้ความสนใจหรือขาดการดูแลเอาใจใส่เราน้อยลง
- พูดคุยอะไรด้วยก็มักชวนทะเลาะเกือบทุกครั้ง
- ใช้จ่ายเงินทองฟุมเฟือยมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
- หันมาใส่ใจดูแลเรื่องการแต่งตัวอย่างที่ไม่เคยเป็น
- หวงโทรศัพท์ยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ โทรศัพท์มักจะปิดเสียงเรียกเข้า หรือเลี่ยงที่จะรับสายบางสาย เวลามีคนโทรเข้ามา และมักจะตั้ง
- รหัสลับส่วนตัวเพื่อล็อคโทรศัพท์
- กลับบ้านไม่ตรงเวลา อ้างว่าประชุม หรือติดงาน ฯลฯ
- วันหยุดพักผ่อนมักไม่ค่อยจะอยู่บ้าน หาเหตุผลต่างๆนานาที่ออกไปข้างนอก
พฤติกรรมที่กล่าวมาเป็นพฤติกรรมที่ผิดปกติและมักจะพบเห็นได้บ่อย สำหรับคนที่กำลังแอบนอกใจคู่สมรส
เหตุผลที่ลูกค้ามาใช้บริการสืบชู้สาว
1.ต้องการทราบพฤติกรรมในแต่ละวันของ สามี ภริยา หรือคนรัก ว่าในแต่ละวันทำอะไรบ้าง มีการพบปะพูดคุยกับใครหรือไม่ มี
พฤติกรรมเป็นไปในทางชู้สาวหรือไม่
2.ต้องการหลักฐานเพื่อใช้ฟ้องหย่า ฟ้องรียกค่าทดแทนหรือค่าเสียหาย จากชู้
3.ต้องการใช้เป็นหลักฐานเพื่อขอสิทธิ์ในการเลี้ยงดูบุตร
4.ต้องการสืบประวัติชู้ เพื่อเอาประวัติในส่วไม่ดีไปให้สามีหรือภริยาดู เพื่อจะได้เลิกกับชู้
6.ผู้ชายบางคนให้สืบพฤติกรรมเมียน้อยของตนเอง ว่าแอบไปมีชู้หรือไม่ (ทำตัวเหมาะสมกับที่ได้รับการอุปกระเลี้ยงดูหรือไม่)
7.ลูกค้าต่างชาติให้สืบประวัติผู้หญิงไทยก่อนแต่งงาน ว่าเลิกประกอบอาชีพเดิมหรือไม่
มีฐานะทางการเงินเป็นอย่างไร เคยมีภรรยา หรือบุตรมาก่อนหรือไม่
8.ลูกค้าบางคนต้องการต้องการหลักฐานเพื่อเอาไปใช้ร้องเรียนกับผู้บังคับบัญชา ของ สามี ภริยา หรือชู้ (ในกรณีรับราชการ)
9.ลูกค้าบางคนต้องการทราบว่าชู้ของสามีหรือภริยา เป็นใคร ประกอบอาชีพอะไร เพื่อจะเดินทางไปพบและพูดคุยกันกับชู้
10.เหตุผลอื่นๆ แล้วแต่ความต้องการของลูกค้า
การสืบชู้สาวนั้นนักสืบจะต้องสืบหาอะไรบ้างเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องหย่าและเรียกค่าทดแทนจากชู้
1.นักสืบจะต้องสืบหาข้อมูลการในใช้โทรศัพท์ของสามี ภรรยาหรือของชู้ เพราะตามปกติแล้วคนที่มีชู้หรือเป็นชู้นั้นจะต้องมีการ
โทรศัพท์หรือส่งข้อความหากันอย่างสม่ำแน่นอน
2.นักสืบจะต้องสืบหาข้อมูลด้านการเงิน ของสามี ภรรยา หรือของชู้ เพราะมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงมาก ที่จะมีการโอนเงินให้แก่
กัน หรืออาจมรการซื้อทรัพย์สิน เช่นบ้าน คอนโดมิเนียม หรือการเช่าที่พักอาศัยให้แก่กัน
3.นักสืบจะต้องสืบหาข้อมูลการถือครองอสังหาริมทรัพย์ โฉนดบ้าน ที่ดิน ทาวน์เฮาส์ คอนโด ชื่อผู้เช่าห้องพักอาศัย (ที่อยู่อาศัยของ
ชู้) ว่าใครเป็นผู้มีกรมสิทธิ์ในทรัพย์สินดังกล่าว (
4.นักสืบจะต้องสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวันของสามี หรือภรรยาที่มีชู้หรือเป็นชู้
5.สะกดรอยตาม พร้อมถ่ายภาพ บันทึกเสียง หรือบันทึกวิดีโอ เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานว่ามีการไปพบปะ พุดคุย รับประทานอาหาร ไป
ท่องเที่ยวกับชู้หรือไม่
5.สืบหาข้อมูลเกี่ยวกับชู้ ว่าเป็นใคร อยู่ที่ไหน ประกอบอาชีพอะไร มีสามี หรือภรรยาอยู่แล้วหรือไม่
หลักฐานที่ได้ดังกล่าวข้างต้นจะเป็นสิ่งที่สามารถยืนยันได้ว่าสามีหรือภรรยาของคุณ มีชู้หรือไม่ ถ้ามีหลักฐานที่น่าเชื่อถือพอเพียงก็
สามารถใช้ฟ้องหย่า หรือเรียกค่าเสียหาย ค่าทดแทน จากสามี ภรรยา ที่มีชู้หรือเป็นชู้กับผู้อื่นได้ อีกทั้งยังสามารถใช้ฟ้องเรียกค่า
ทดแทนค่าเสียหาย จากชู้ได้อีกด้วย
ข้อกฎหมายที่กี่ยวข้องกับชู้และการฟ้องหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา
1516 เหตุฟ้องหย่ามีดังต่อไปนี้
(1) สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้อง
หย่าได้
(2) สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความ ผิดอาญาหรือไม่ ถ้าเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่ง
(ก) ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง
(ข) ได้รับความดูถูกเกลียดชังเพราะเหตุที่คงเป็นสามีหรือภริยาของฝ่าย ที่ประพฤติชั่วอยู่ต่อไป หรือ
(ค) ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอาสภาพฐานะ และความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่าย
หนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(3) สามีหรือภริยาทำร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่งทั้งนี้
ถ้าเป็นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(4) สามีหรือภริยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปี อีกฝ่ายหนึ่ง นั้นฟ้องหย่าได้
(4/1) สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และได้ถูกจำคุก เกินหนึ่งปีในความผิดที่อีกฝ่ายหนึ่งมิได้มีส่วนก่อให้เกิดการก
ระทำความผิด หรือยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนั้นด้วย และการเป็นสามี ภริยากันต่อไปจะเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่ง
ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(4/2) สามีและภริยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปี หรือแยกกันอยู่
ตามคำสั่งของ ศาลเป็นเวลาเกินสามปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(5) สามีหรือภริยาถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ หรือไปจากภูมิลำเนา หรือถิ่นที่อยู่เป็นเวลาเกินสามปี โดยไม่มีใครทราบแน่ว่าเป็น
ตายร้ายดีอย่าง ไร อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
6) สามีหรือภริยาไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตามสมควร หรือทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากัน
อย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ถ้าการกระทำนั้นถึงขนาดที่อีกฝ่ายหนึ่งเดือดร้อนเกินควรในเมื่อเอา สภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามี
ภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่าย ฃหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(7) สามีหรือภริยาวิกลจริตตลอดมาเกินสามปี และความวิกลจริตนั้นมี ลักษณะยากจะหายได้ กับทั้งความวิกลจริตถึงขนาดที่จะทน
อยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาต่อไปไม่ได้ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(8) สามีหรือภริยาผิดทัณฑ์บนที่ทำให้ไว้เป็นหนังสือในเรื่องความประพฤติ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(9) สามีหรือภริยาเป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรงอันอาจเป็นภัยแก่ฝ่ายหนึ่งและโรคมีลักษณะเรื้อรังไม่มีทางที่จะหายได้ อีกฝ่ายหนึ่งนั้น
ฟ้องหย่าได้
(10) สามีหรือภริยสภาพแห่งกายทำให้สามีหรือภริยนั้น ไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
หมายเหตุ มาตรา 1516 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พรบ. แก้ไขเพิ่มเติมปพพ.(ฉบับที่ 10) พ.ศ.2533
มาตรา 1516 (1) แก้ไขเพิ่มเติมโดย พรบ. แก้ไขเพิ่มเติมปพพ.(ฉบับที่ 16) พ.ศ.2550
มาตรา 1523 เมื่อศาลพิพากษาให้หย่ากันเพราะเหตุตาม มาตรา 1516 ( 1 )ภริยาหรือสามี มีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากสามีหรือภริยา
และจากผู้ซึ่งได้รับการอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่อง หรือผู้ซึ่งเป็นเหตุแห่งการหย่านั้น
สามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวก็ได้และภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิด
เผย เพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวก็ได้
ถ้าสามีหรือภริยายินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจให้อีกฝ่ายหนึ่งกระทำการตามมาตรา 1516 (1) หรือให้ผู้อื่นกระทำการตามวรรคสอง สามี
หรือภริยานั้นจะเรียกค่าทดแทนไม่ได้
หมายเหตุ มาตรา 1523 วรรคหนึ่ง แก่ไขเพิ่มเติมโดย พรบ. แก่ไขเพิ่มเติมปพพ.(ฉบับที่ 16) พ.ศ.2550
สรุป การที่จะฟ้องหย่าและเรียกค่าทดแทนจากชายช้หรือหญิงชู้นั้นจะต้องมีลักษณะดังนี้คือ
1.เป็นสามีภริยาได้จดทะเบียนสมรสถูกต้อง ตามกฎหมาย
2.สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามีเป็นชู้ (ชายที่ร่วมประเวณีด้วยเมียเขา) หรือมีชู้ (หญิงที่ยังมี
สามีอยู่แล้วร่วมประเวณีกับชายอื่น) หรือร่วม ประเวณีกับผู้อื่น เป็นอาจิณ
3.สามีจะรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวก็ได้และ ภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิด
เผย เพื่อแสดงว่าตน มีความสัมพันธ์ กับสามี ในทำนองชู้สาวก็ได้
4.สามีหรือภริยาไม่ได้ให้ความยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจให้อีกฝ่ายหนึ่งกระทำการใดๆ ตามข้อ 2. หรือให้ผู้อื่นกระทำการใดๆตามข้อ 3.
5.การที่ภริยาหรือสามีจะมีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากสามีหรือภริยาที่ชู้หรือป็นชู้นั้น จะต้องเป็นกรณีที่มีการฟ้องหย่าเท่านั้น ส่วนการ
เรียกค่าทดแทนจากชู้นั้นไม่จำเป็น ที่จะต้องมี การฟ้องหย่า
อ่านบทความน่าสนใจถัดไป นักสืบออนไลน์ นักสืบ SOCIAL
ป้ายกำกับ:นักสืบชู้สาว, นักสืบมืออาชีพ, นักสืบออนไลน์